เมื่อวันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566 เวลา 09.00 น. พลโท สุริยะ  เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.) ประจำปีงบประมาณ 2566 ณ ห้องประชุมธาราทอง โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซร์ เชียงใหม่ ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ การประชุมสรุปสถานการณ์ และผลการปฏิบัติงานของหน่วยในห้วงเวลา (1 ต.ค. 65- ปัจจุบัน) ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา โดยมีผลการตรวจยึด/จับกุม จำนวน 451 ครั้ง ผู้ต้องหา 496 ราย ตรวจยึด ยาบ้า 91,263,986 เม็ด, ไอซ์ 3,582.98 กก., เฮโรอีน 28.77 กก., ฝิ่นดิบ 270.87 กก., เคตามีน 363.25 กก. อีกทั้งหน่วยยังได้ให้ความสำคัญในการสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไม่ให้เข้าสู่แหล่งผลิต และการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์ด้วย โดยได้ดำเนินการตรวจการนำเข้า และการใช้สารเคมีควบคุมในโรงงานอุตสาหกรรม, การกวดขันการส่งออกสารเคมีผ่านด่านพรมแดน, ตรวจการขนส่งทางบกในห้วงเทศกาลสำคัญ, ตรวจสถานประกอบการรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ตลอดจนเชิญผู้ประกอบธุรกิจสถานประกอบการ ขนส่งสินค้า ร่วมประชุม หารือ ขอความร่วมมือ และกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันนอกจากงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดแล้ว หน่วยได้มีการปฏิบัติอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เช่น จัดทำ “โครงการชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืนแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ”  ในพื้นที่หมู่บ้านชุมชนเป้าหมาย เพื่อสร้างแนวร่วมในการสกัดกั้นไม่ให้หมู่บ้านถูกนำไปใช้เป็นเส้นทางผ่าน หรือพักยาเสพติด โดยดำเนินการ ปลูกฝัง สร้าง การรับรู้พิษภัยของยาเสพติดให้กับเยาวชน, การฝึกอบรมราษฎรอาสาป้องกัน ภัยยาเสพติด,  การค้นหา คัดกรองผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา เป็นต้น จัดทำ ระบบฐานข้อมูลกลางยาเสพติด (Drugs Data Center) เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด เช่น ข้อมูลยาเสพติด, สารเคมี, กระบวนการผลิต, พื้นที่แหล่งผลิต, แหล่งพัก, เส้นทาง และรูปแบบการลำเลียง ข้อมูลบุคคล และเครือข่าย เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ หน่วยงานด้านยาเสพติดสามารถเข้าไปเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล และนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ วางแผนการปฏิบัติงาน รวมทั้งสามารถใช้ตรวจสอบ และติดตามบุคคลผ่านระบบโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วยแนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด ในปัจจุบันยังคงมีความรุนแรง เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดหลักในประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงมีเสรีในการผลิต ประกอบกับมีการลักลอบนำเข้าสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จากประเทศจีนและอินเดียเข้าสู่แหล่งผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงพื้นที่ปลูกฝิ่นมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงอาจทำให้แนวโน้มการผลิตฝิ่นและเฮโรอีนเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ การลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางระบบโลจิสติกส์ในประเทศ มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบพัสดุภัณฑ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อย ต้นทุนต่ำ รวดเร็ว และสามารถส่งถึงผู้รับได้โดยตรง ยาบ้ายังเป็นยาเสพติดหลักที่มีการใช้และแพร่ระบาด มากที่สุด และควรเฝ้าระวังสารเสพติดรูปแบบใหม่ในกลุ่มนักเที่ยวสถานบันเทิง (กลุ่ม Club Drugs) ด้วย